เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๑ ก.ย. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระ วันพระวันที่ชาวพุทธแสวงหาบุญกุศลของตน แสวงหาบุญกุศลของตนก็เพื่อให้หัวใจมันเข้มแข็งขึ้นมา ถ้าหัวใจเข้มแข็งขึ้นมา เห็นไหม เวลาความทุกข์ทางโลก ปัจจัยเครื่องอาศัยๆ เศรษฐกิจไม่ดีเราต้องปากกัดตีนถีบ มันมีความทุกข์ความยากทั้งสิ้น ถ้าความทุกข์ความยากทั้งสิ้น สิ่งที่คนที่สร้างบุญกุศลของเขามา ถ้าสร้างบุญกุศลของเขามา เขาทำสิ่งใดแล้วเขาพออยู่พอกินของเขา เวลาเขาขาดตกบกพร่องขึ้นมา เขาก็ต้องแสวงหาของเขา เป็นแบบพระ

เวลาพระเรา พระเราพระธุดงค์กรรมฐาน เวลาพระธุดงค์กรรมฐาน เวลาเข้าพรรษาๆ หลวงตาท่านสอนไว้ ท่านสอนไว้นะ เมื่อก่อนเราบวชใหม่ๆ เราอยากจะถือธุดงค์ เวลาถือธุดงค์ขึ้นมาแล้วเราต้องศึกษาจากตำราขึ้นมา เราก็คาดหมายมันไปผิดพลาด คาดหมายผิดพลาดนะ แล้วคนที่แก่วัดเขาก็คอยล่อคอยลวง คอยวางหลุมพรางให้เราทำได้ผิดพลาด

พระก็มาจากคน คนก็มีการอิจฉาตาร้อน พระก็มีอิจฉาตาร้อนเหมือนกัน

ฉะนั้น เวลาไปอยู่กับหลวงตา หลวงตาท่านบอกว่าให้ถือธุดงค์ๆ

เวลาถือธุงค์ขึ้นมา ท่านอยู่กับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่มั่นท่านถือธุดงค์ ท่านถือผ้า ๓ ผืน หลวงตาท่านเป็นผู้อุปัฏฐาก ท่านบอกเลย ไม่เคยเห็นใช้คหบดีจีวรของใครเลย ท่านจะเก็บเอาตามที่คนเขาทิ้งแล้ว ทิ้งแล้วท่านเอาไปซัก ซักแล้วก็เอามาเย็บ มาปัก มาย้อม

เวลาท่านสมัยอยู่เชียงใหม่ เวลาหลวงปู่ลี วัดอโศการาม ไปอยู่กับท่าน ไปเห็นเสื้อผ้าของข้าราชการเก่าเขาอยู่ข้างถนน ท่านก็เอาตีนเขี่ยไปเรื่อยๆ เพราะบิณฑบาตไป ไปเก็บมันน่าเกลียด พอพ้นจากสายตาคนแล้วท่านก็เหน็บชายพกไว้ เวลาชายพกไว้ ๓ วัน ๔ วัน ท่านเอากลับไปวัดนะ ท่านก็เอาไปซัก ซักแล้วท่านก็ตัดเย็บเป็นย่าม เป็นย่ามแล้วก็เอาให้หลวงปู่ลี วัดอโศการามใช้

เวลาจิตใจคนที่เป็นธรรมๆ ท่านแสวงหามา เพราะธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ให้ภิกษุเป็นผู้เลี้ยงง่าย เป็นผู้ติดดิน เป็นผู้ที่ไม่เห่อเหิมทะเยอทะยาน

ฉะนั้น เวลาเห่อเหิมทะเยอทะยานขึ้นมา เวลาบิณฑบาตๆ เวลากิเลสมันก็ปลิ้นมันก็ปล้อน มันก็เรื่องธรรมดา จะเป็นขุนนาง จะเป็นพระขุนนางกันไปหมด เวลาฉันข้าวก็ฉันแบบขุนนาง เล่นมโหรี เวลาฉันใช้ช้อนเคาะบาตร เคาะกระโถนไป ท่านบอกว่า นั่นเล่นดนตรีไทย มันไม่มีสติไม่มีปัญญาไง

เวลาอยู่กับหลวงตา หลวงตาท่านบอกนะ ถ้าเป็นลูกศิษย์เราต้องถือธุดงค์ๆ ถ้าท่านไปเยี่ยมวัดไหนแล้วถ้าไม่ถือธุดงค์ กลับมาท่านบอกว่าไม่ใช่ลูกศิษย์เรา

เหตุผลของท่านๆ ตำรับตำรามันมีของมันอยู่แล้ว ถ้าเหตุผล ตำรับตำรามันมีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีใครทำมันก็เป็นตำรับตำราอยู่อย่างนั้นน่ะ มันก็เป็นอักษรอยู่ในหนังสือนั้นน่ะ ใครทำก็ผิดก็ถูก ใครทำไม่ถูกไม่ผิด ทำแล้วแต่จินตนาการของตน

แต่มีครูบาอาจารย์ท่านทำเป็นแนวทางมา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตาท่านให้ทำๆ ท่านบอกว่ามันอยู่ในตำรับตำรา เราก็มาทำให้มันเป็นชีวิตจริง

เวลาบิณฑบาตๆ ถือธุดงค์ๆ ธุดงค์เพื่ออะไร ธุดงค์เพื่อให้เรียบง่าย ธุดงค์ไม่ให้มันทะยานอยาก ธุดงค์ได้ในสิ่งนั้น

เราถือธุดงค์ เราถือธุดงค์อยู่ทางภาคอีสาน ข้าวเหนียวกับผักต้มครับ ผักต้มห่อด้วยใบตอง ถุงพลาสติกยังไม่มี ข้าวเหนียวกับผักต้ม ข้าวเหนียวกับผักต้ม

แล้วคนที่เขามีเลศนัยของเขา เขาก็ไปสั่งให้โยมใส่บาตรๆ หมูสะเต๊ะ เอาหมูสะเต๊ะนะ เอาปลากะพงย่าง นี่ไง ถือธุดงค์อย่างนั้นหรือ

การถือธุดงค์ ถือธุดงค์เพื่อมักน้อยสันโดษ แล้วเวลาใส่บาตรๆ เราได้สิ่งใดมา เห็นไหม หลวงตาท่านพูดถึงที่บ้านผือ ซาบซึ้งบุญคุณของเขามาก ซาบซึ้งบุญคุณของเขามากเพราะมันไม่มีตลาด เวลาพระ ๓๐–๔๐ เขาต้องหาอยู่หากินของเขา เขาต้องเก็บผักเก็บหญ้า เก็บผักสวนครัวของเขา ต้องเลี้ยงพระทั้งวัดให้ได้

หลวงตาท่านซาบซึ้งบุญคุณของเขา บุญคุณของเขาอุปัฏฐากอุปถัมภ์หลวงปู่มั่น บุญคุณของเขาอุปัฏฐากพระครูบาอาจารย์ที่เข้าไปเยี่ยมหลวงปู่มั่น มันไม่มีตลาด มันอยู่ในป่า ท่านแสวงหาอย่างนั้น นี่ซาบซึ้งบุญคุณของเขา

แล้วบุญของเขา เวลาใส่บาตรๆ เขาห้ามพูด เนื้อนี้พระไม่ใช่ต้นเหตุ เห็นไหม เนื้อสามอย่าง ไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง ไม่ได้พูด ไม่ได้บอก เขาแสวงหาของเขามาเอง

แล้วถ้ามันไปเอ่ยชื่อ ดูสิ ประเพณีไทย เวลาไปนิมนต์พระ เขาห้ามเอ่ยชื่ออาหารนะ ถ้าเอ่ยชื่อนะ “นิมนต์หลวงพ่อพรุ่งนี้ไปกินแกงไก่บ้านดิฉันค่ะ ดิฉันจะฆ่าไก่ไว้สิบตัวเลย”

ภิกษุฉันข้าวอย่างนั้นเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทุกคำกลืน เพราะไก่นั้นตายเพราะภิกษุนั้น ภิกษุนั้นเป็นเหตุ

แต่เราไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง ไม่ได้พูด ไม่ได้ออเซาะ เขาเป็นเจตนาของเขา เขาอยากทำบุญของเขา เขาทำของเขา นี่ไง มันเป็นต้นเหตุ ไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง ไม่รับรู้ ถ้าได้ยิน ได้ฟัง ได้รับรู้ ฉันไม่ได้ ถ้ามันฉันไม่ได้ ฉันไปมันก็เป็นอาบัติทั้งนั้นน่ะ นี่ไง เวลาพระเขาถึงไม่ให้พูด ไม่ให้พูด ไม่ให้ระบุชื่อ ไม่ให้ระบุชื่ออาหาร

ใครเป็นคนชาวพุทธบ้านนอกจะรู้เรื่องอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นชาวพุทธในเมือง เวลาไปบิณฑบาตก็เวียนเทียนกันอยู่นั่นไง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาบัติเป็นอย่างไร อาบัติไม่รู้จัก

เราธุดงค์ไปนะ ที่ไหนเขาเสื่อมทรามนะ “ทุกกฏ ตดก็หาย ปาจิตตีย์ ขี้ก็หาย” นี่พระพูดกันนะ ในวงการพระ “ทุกกฏ ตดก็หาย” เขาไม่ถือไม่สาไง เขาไม่ถือไม่สา

แล้วธรรมวินัยเป็นศาสดาของเรานะ เวลาหลวงตาท่านพูดไง นี่ไง อย่าเหยียบหัวพระพุทธเจ้าแล้วแสดงธรรม

ทุกกฏ ตดก็หาย ปาจิตตีย์ ขี้ก็หาย ไอ้พระย่ามใหญ่ รองเท้ายาง

เวลาธุดงค์ไป คนที่เขาไม่เห็นด้วยนะ เขาทั้งถากทั้งถาง ทั้งดูถูกทั้งเหยียดหยามทั้งนั้นน่ะ แต่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านโดนเรื่องนี้มามาก เพราะท่านเป็นหัวหอก หลวงปู่เสาร์ท่านโดนมาเต็มที่ แต่ท่านเก็บไว้ในใจไง

ธุดงควัตรเขาทำเพื่อมักน้อยสันโดษ แล้วเราทำสิ่งใดก็ให้เคารพพระพุทธเจ้า ไม่ต้องเคารพใครหรอก เคารพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าห้ามไว้ ห้ามเจาะจง ถ้าเจาะจง พระนั้นมีสิทธิพิเศษ ใครๆ มาก็จะเอาใจแต่พระนั้น

เวลาเราธุดงค์ไปไง ถ้าพระที่ไหน เวลาตามปกติถวายภัตตาหาร เขาห้ามไม่ให้แม่ชีเข้ามาเจาะจงไง ถวายองค์นั้น ถวายองค์นี้

ภิกษุฉันไม่ได้ เขาไม่ให้นะในวัดนี้ ไม่ให้มีการลำเอียง ไม่ให้มีการสูงการต่ำ ให้เสมอภาคกัน ศีล ๒๒๗ เสมอกัน ให้เท่ากัน เราทำอะไรแล้วมันควรจะเคารพพระพุทธเจ้าไง แล้วคนที่ใจมันลงธรรมๆ มันอึดอัด

นี่ไง เราเคารพพระพุทธเจ้า เราไม่ได้เคารพใคร พระพุทธเจ้าสอนไว้ ธรรมและวินัยห้ามๆๆ แล้วจะให้เราทำอย่างไรล่ะ เพราะพระพุทธเจ้าห้ามไว้ๆ หมดไง

ฉะนั้น การที่ห้ามไว้แล้วเราอย่าไปทำ เราไม่ทำๆ ถ้าไม่ทำนะ เราไม่ใช่เพื่อใครทั้งสิ้น แต่เพื่อพระพุทธเจ้า เคารพธรรมและวินัย ใจมันลง สิ่งใดที่ท่านห้ามไว้ๆ ถ้าเรามีสติ

เราอยู่กับหลวงตานะ หลวงตาท่านบอกเลย ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสุดยอดมาก แต่เราก็ไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์แบบได้อย่างนั้นหรอก

ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้ พวกเรามีกิเลส มีความพลั้งเผลอ จะทำให้มันสมบูรณ์แบบอย่างนั้นไม่ได้ แต่ท่านพูดแล้วเราฟังแล้วฝังใจมาก

“แต่เราจะพยายามทำให้ผิดน้อยที่สุด”

เวลาท่านพูดนะ ท่านพูดบนศาลา “เราจะพยายามทำให้ผิดน้อยที่สุด”

แต่ว่าถ้าจะไม่ผิดเลย ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันละเอียดไง แล้วพวกเราสติสัมปชัญญะมันไม่สมบูรณ์พอไง

“เราจะพยายามทำให้ผิดน้อยที่สุด” นี่เวลาหลวงตาท่านพูดนะ เราก็ฟังแล้วก็จำมา อะไรที่เป็นอาบัติ อะไรที่พระพุทธเจ้าห้ามไว้ๆ พยายามจะไม่ทำ พยายามจะไม่ทำ แล้วมันมีสติสัมปชัญญะไม่ทำ

ไอ้เรื่องการบิณฑบาต เขาให้บิณฑบาต ถือธุดงค์ก็เพื่อความมักน้อยสันโดษอยู่แล้ว แล้วให้เป็นผู้ที่เลี้ยงง่าย ภิกษุให้เป็นผู้ที่เลี้ยงง่าย อะไรก็ได้ตกบาตร กินเข้าไปเถอะ ฉันเข้าไปเถอะ ชาวบ้านเขาเศรษฐกิจไม่ดี เขาทุกข์เขายากปากกัดตีนถีบมา เขาหาสิ่งใดมาเขาจะมาถวายพระก็ต้องดีที่สุดของเขาแล้ว แล้วดีที่สุดของเขาแล้ว เวลาเขาจะใส่บาตร เขาเทิดใส่ศีรษะ เขาอธิษฐานถึงบุญถึงกุศลของเขานะ

เวลาเขาใส่บาตรมา ภิกษุผู้ที่ภัตกิจ ถ้ามีศีลบริสุทธิ์ ฉันสิ่งนั้นแล้วมันก็เป็นบุญกุศล แต่ภิกษุถ้ามันเน่าใน ถ้าฉันสิ่งใดเข้าไปแล้ว ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก เหมือนกับกลืนถ่านแดงๆ เข้าไปในคอ เพราะมันมีบาปมีกรรมไง

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านอบรมท่านสอนมาทั้งสิ้น เวลาพระ เวลาพระบวชแล้ว บวชแล้วทำตัวไม่เป็นพระไง เวลาตายไปผ้าเหลืองไม่ตกนรก ผ้าเหลือไปพาดอยู่ปากนรก เสาเท่ากับลำตาล เหล็กเท่ากับลำตาลพาดอยู่นั่นน่ะ ผ้าจีวร ไตรจีวรของพระไปพาดไว้ๆ จนแอ่นเลย

เวลาพระที่เขาทำอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องเวรกรรมของเขา เรื่องสติสัมปชัญญะของเขา ถ้าสติสัมปชัญญะเขามากน้อยแค่ไหนมันก็เป็นเวรเป็นกรรมของเขา เหมือนเจ้าหน้าที่

เจ้าหน้าที่ทำผิดมันก็ต้องผิดมากขึ้นใช่ไหม นี่เป็นพระ เป็นพระเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียเอง จะทำสิ่งใดแล้วมันมีสติมีสัมปชัญญะขึ้นมา ทำอะไรที่ผิดพลาดมันฝืนใจ มันฝืนใจ ถ้ามันฝืนใจแล้วจะทำอะไรก็ทำเถอะ แต่อย่า ภาษาเราเลย หลวงตาว่าไง เหยียบศาสดา เหยียบพระพุทธเจ้าแล้วแสดงธรรม

นี่เหยียบศาสดาไง ทำผิดๆ กัน แล้วก็ทำกันอยู่อย่างนั้นน่ะซ้ำๆ ซากๆ ทำกันอยู่อย่างนั้นน่ะ แล้วมันทำทำไม ทำมันผิดธรรมและวินัย มันไม่ได้ผิดที่ตัวบุคคล ไม่ได้ผิดเขาผิดเราหรอก พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้

เหมือนทางโลกผิดกฎหมาย ผิดกฎหมายเราก็ต้องไปแก้ตามกฎหมายนั้น ไอ้นี่ธรรมวินัยบัญญัติไว้เลย เวลาบิณฑบาตไป ถ้าระบุชื่ออาหารนั้น พรุ่งนี้นิมนต์ฉันบ้านดิฉันค่ะ จะแกงไก่ถวายหลวงพ่อค่ะ

เป็นอาบัติทุกคำกลืนนะน่ะ เจาะจง เนื้อสัตว์ที่ได้ยินก็ดี เป็นต้นเหตุก็ดี ได้ฟังก็ดี ห้ามฉันเด็ดขาด

แล้วไประบุมันทำไมล่ะ เราก็ใส่บาตรๆ ของเราไปมันจะเป็นอะไรไป

นี่ไง เราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ท่านบัญญัติไว้ นี่เป็นวินัยนะ นี่คือกฎหมาย แล้วเราจะมาย่ำยีกันอยู่อย่างนี้หรือ เราจะมาย่ำยีกฎหมายกันด้วยความเกรงอกเกรงใจกันอยู่อย่างนี้

ถ้ามันทำสิ่งใดทำไปเถอะ แต่เวลาปฏิสันถารๆ ไง เวลาเราพูดไง สิ่งที่โยมมาถวาย เราไม่มองตรงนี้นะ เรามอง หนึ่ง เวลาของโยม โยมขับรถมา น้ำมันมาเท่าไร เสียเวลาเท่าไร อันนั้นสำคัญกว่า สำคัญกว่าเพราะอะไร เพราะมันมีเจตนาไง เจตนาของคนที่อยากทำบุญกุศลของเขา เจตนาเขาเป็นบุญกุศล เขาแสวงหาสิ่งใด เขาทำสิ่งใดเป็นบุญกุศลของเขา เขาทำสิ่งใดแล้วมันเป็นของเขา

นี่ไง เวลาพระ ปฏิคาหก ผู้ให้ให้ด้วยความบริสุทธิ์แล้ว พระควรจะทำตัวให้ดี เป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นเนื้อนาบุญ หว่านข้าว หว่านเมล็ดพืชไปแล้วให้มันงอกให้มันงามขึ้นมา ให้งอกงามขึ้นมาเป็นบุญกุศลของเขา เขาแสวงหา เขามีเจตนาของเขามา เราทำสิ่งใดแล้วให้มันเป็นธรรมๆ ขึ้นมา เป็นธรรมขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับเขาไง

แล้วชาวพุทธก็บอก ทำบุญไม่ได้บุญ ทำบุญไม่ได้บุญ

ได้บุญคืออะไรล่ะ บุญมันคืออะไรล่ะ

บุญมันคือสิ่งที่เราทำแล้วมันสบายใจ บุญเราทำแล้ว สิ่งใดมันขัดอกขัดใจขึ้นมา ถ้าเราได้ระลึกถึงแล้ว มันเบา มันสบาย มันดีงามขึ้นมา ถ้าสิ่งใดเราอยู่บ้านอยู่เรือนของเรามันมีความขัดอกขัดใจ มันมีความกดดันในหัวใจ เราคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เวลาเราอยู่ป่าอยู่เขา เวลามันทุกข์มันยากขึ้นมา ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกที เวลาพระธุดงค์เข้าไปอยู่ในป่าไปเจอผีเจอสาง เจอต่างๆ ให้ระลึกถึงพุทโธๆ ให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่หาย ให้ระลึกถึงพระธรรม ให้ระลึกถึงพระสงฆ์

เวลาเราทุกข์เรายากขึ้นมา เราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขวนขวายอยู่ ๖ ปี ท่านทุกข์ยากอยู่แค่ไหน ท่านทุกข์ยากแค่ไหน เราทำสิ่งใดขึ้นมาให้ระลึกถึงท่าน ท่านลำบากกว่าเรา ท่านทุกข์ยากกว่าเรา เพราะสมัยนั้นพระพุทธศาสนามันยังไม่มีขึ้นมา พระพุทธศาสนาไม่มีขึ้นมา เขาก็ยังไม่รู้จักบุญกุศลของเขาเป็นอย่างไร เขาก็อ้อนวอนขอกันไปเรื่องธรรมชาติของเขา

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว ปฏิคาหก ผู้ให้ได้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แก้วสารพัดนึกของเราไง เราระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัยของเรา แล้วเราก็จะแสวงหาทำบุญกุศลของเรา เราก็แสวงหาพระ แสวงหาผู้ที่ทรงศีล ผู้ที่เราจะเสียสละของเรา

เราเสียสละของเรา เราเสียสละด้วยความเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเราเสียสละด้วยการระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไม่ได้เสียสละสิ่งที่ต่อหน้าเรา ต่อหน้าเราที่มันไว้วางใจได้มันก็ไว้วางใจได้ ถ้าไว้วางใจไม่ได้ เราก็เลือกเอา

เธอควรทำบุญที่ไหน

เธอควรทำบุญที่เธอพอใจ

ถ้าเธอพอใจ เพราะอะไร เพราะมันสายบุญสายกรรมไง มันมีความระลึกถึง มีความระลึกใฝ่ใจ ให้ทำที่นั่น แต่ถ้าเอาผลล่ะ เอาผลมันก็เป็นที่ว่าปฏิคาหก ถ้าปฏิคาหกมันสมบูรณ์แล้ว เห็นไหม เราทำของเราด้วยบุญกุศลของเรา ด้วยเคารพธรรมและวินัย ด้วยเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติเอง ไง ธุดงควัตรๆ ธุดงควัตรก็เพื่อให้อ่อนน้อมถ่อมตน ธุดงควัตรขึ้นมาเพื่อให้มักน้อยสันโดษ แล้วเวลาเราบิณฑบาตมาแล้ว บิณฑบาตก็ได้ตามมีตามเกิด

นี่ตั้งใจว่าธุดงค์ แล้วก็ยังมามีแซงหน้าแซงหลัง มียักมีย้าย มีถ่ายมีเท อะไรกันน่ะ

ธุดงควัตรก็เพื่อความมักน้อยสันโดษ เพื่อให้เห็นโทษของมัน เวลามันขาดมันแคลนขึ้นมา ให้มันรู้จักของมัน ถ้ามันได้สิ่งใดมา ให้มักน้อย ให้มักน้อยสันโดษ เพราะถ้าฉันมากเข้าไป พลังงานมันเหลือใช้ เวลาไปนั่งภาวนาก็สัปหงกโงกง่วง

ตั้งแต่เข้าพรรษามา วันเข้าพรรษาให้อฐิษฐานพรรษา ใครจะถือธุดงค์ข้อไหน จะถือวิกฤติอย่างไรเพื่อกำราบกิเลสในใจของตน เราส่งเสริมพระอย่างนั้น ส่งเสริมพระอย่างนั้น แล้วเรามีการกระทำอย่างนั้นเพื่อประโยชน์ในการภาวนาไง

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบธรรมๆ ภิกษุอยู่จำพรรษาแล้วพยายามจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้มีคุณธรรมขึ้นมาในหัวใจ ถ้าคุณธรรมขึ้นมาในหัวใจ การอยู่การกินมันเป็นอุปสรรค ธาตุขันธ์ทับจิตๆ

หลวงตาท่านอดนอนผ่อนอาหารของท่านก็เพื่อให้ใจมันแวววาว เพื่อให้หัวใจแช่มชื่น ให้มันมีบุญกุศลอันนี้ อันนี้สำคัญกว่า ไม่สำคัญกว่าความเป็นอยู่หรอก

ความเป็นอยู่ เราระลึกถึงกัน มันได้ทั้งสิ้นน่ะ แต่อย่าเหยียบหัวพระพุทธเจ้า ทำอะไรก็ทำพอเป็นบุญกุศลก็พอ เพราะพระพุทธเจ้าห้ามไว้ กฎหมาย มันเป็นกฏที่พระพุทธเจ้าห้ามไว้ แล้วเราจะมาทำอะไรกัน

ถ้าเราไม่ควรทำอย่างนั้น มีสิ่งใดก็ใส่บาตรไปก็จบแล้ว เรามีเจตนาที่ดีงามของเราแล้ว ควรให้ดีงามเสมอต้นเสมอปลายไป สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ บัญญัติแล้วเราก็ไม่ควรทำๆ ไง แต่ปฏิสันถารก็เรื่องหนึ่งนะ

เวลาปฏิสันถาร สิ่งใดที่ปฏิสันถาร เรามีธุระปะปัง มันคุยกันได้ มันคุยกันได้เรื่องปฏิสันถาร แต่ไม่ใช่คุยกันเรื่องที่พระพุทธเจ้าห้าม ห้ามหาเศษหาเลย หาสิ่งที่ชอบใจ พระพุทธเจ้าห้าม ห้าม ห้าม แล้วกิเลสก็เป็นกิเลสอยู่แล้ว ทำให้มันเป็นธรรมๆ เถอะ

ความเป็นธรรมนะ แล้วมันสบายใจทุกๆ ฝ่ายไง เพราะเราเคารพพระพุทธเจ้า เราเคารพธรรมและวินัย แล้วเวลาจะพูดไปมันสะเทือนนะ มันสะเทือนถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าห้าม ของนี้พระพุทธเจ้าห้ามไว้ทั้งสิ้น วินัยห้ามไว้ๆ แล้วเรามาฝืนกันเอง มาทำกันเอง มันจะเป็นประโยชน์อะไรขึ้นมา ไม่ควรทำ แล้วให้มันเป็นประโยชน์นะ

ฉะนั้น เวลาถือธุดงค์ ธุดงค์แล้วก็เพื่อมักน้อยเพื่อสันโดษ มันจะมีอะไรมากน้อยก็ช่างหัวมันเถอะ

ไอ้นี่หลวงตาท่านพูด มันอยู่ที่บารมีของคนคนนั้น ดูสิ ทุคตะเข็ญใจที่ว่าไม่เคยฉันข้าวอิ่มเลย พระอรหันต์นะน่ะ เขาไม่เคยมีไม่เคยเป็นก็แล้วแต่ของของเขา พระสีวลีเขามากมายมหาศาลก็เป็นบุญกุศลของพระสีวลีเขา

ไอ้เราทำอย่างไรก็ให้มันได้อย่างนั้นเถอะ แต่อย่าไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้า จะพูดอย่างนั้นเลยล่ะ

มันสะเทือนใจนะ พระพุทธเจ้าห้ามไว้ แล้วเรามาทำกันเอง แหม!

ฉะนั้น ทำอย่างไรก็ได้ให้มันเป็นธรรมๆ พอ เราไม่ใช่รังเกียจ เราไม่ใช่อย่างนั้น แต่พระพุทธเจ้าห้ามไว้ ไม่ให้เอ่ย ไม่ให้พูด ไม่ให้ต่างๆ

เวลาหลวงปู่มั่นสอนไง บิณฑบาตทอดสายตาลงต่ำแค่ ๓ ก้าว เวลาคนเขาใส่บาตรเห็นแค่มือเท่านั้นน่ะ เห็นแค่มือเขาแล้วไม่ยุ่ง นี่ข้อวัตรปฏิบัตินะ เสขิยวัตร อยู่ในปาฏิโมกข์ แล้วเราก็ควรทำให้มันอยู่ในขอบในเขต อย่าให้มันฟั่นเฟือน อย่าให้มันลุกลามอะไรออกไป แล้วมันก็จะไปเรื่อย มันไม่จบไม่สิ้น ไม่มีวันจบ

เราพยายามทำให้มันอยู่ในกรอบ ถึงมันจะไม่ดีที่สุดก็ยังมีสติสัมปชัญญะ

เราห่วงมากนะ หลวงปู่ลี หลวงตา เวลาท่านถึงที่สุดแล้ว มันไม่รู้สึกตัวแล้ว เราถึงได้บอกประจำ ถ้ากูยังรู้สึกตัวอยู่นะ ห้ามส่งโรงพยาบาลเด็ดขาด เว้นไว้แต่กูไม่รู้สึกตัวแล้ว นั่นเรื่องของพวกมึง แต่สำหรับกูนะ ถ้ายังมีความรู้สึกอยู่ กูไม่ไปไหนทั้งสิ้น เอวัง